International Field Epidemiology Training Program-Thailand

หลักสูตร

ชื่อหลักสูตร
(ภาษาไทย) หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา
(ภาษาอังกฤษ)Residency Training in Preventive Medicine (Epidemiology)


วุฒิบัตร
ชื่อเต็ม
(ภาษาไทย) วุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา
(ภาษาอังกฤษ) Diploma of the Thai Board of Preventive Medicine (Epidemiology)
ชื่อย่อ
(ภาษาไทย) วว.เวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา
(ภาษาอังกฤษ) Dip. Preventive Medicine (Epidemiology)
คำแสดงวุฒิท้ายชื่อ
(ภาษาไทย) วว. ระบาดวิทยา
(ภาษาอังกฤษ) Diplomat, Thai Board of Preventive Medicine (Epidemiology)

หลักการและเหตุผลของหลักสูตร

ระบาดวิทยาถือเป็นศาสตร์สำคัญที่สุดแขนงหนึ่งที่ใช้ในการแก้ปัญหาสาธารณสุขด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ โรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม การบาดเจ็บ ปัญหาสุขภาพจิต ฯลฯ การสร้างบุคลากรสาธารณสุขให้มีทั้งองค์ความรู้และทักษะในการประยุกต์หลักการทางระบาดวิทยาเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของชุมชนซึ่งมีความหลากหลายและเป็นพลวัตรจึงถือเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของการดำเนินงานสาธารณสุข การจัดการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา ให้มีคุณภาพถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการทำงานด้านระบาดวิทยาของประเทศ โดยการพัฒนาแพทย์ให้มีความรู้ความชำนาญด้านระบาดวิทยาภาคสนาม ที่สามารถทำงานแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขต่างๆที่เกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งได้แก่ การระบาดของโรคติดต่อชนิดต่างๆทั้งที่เป็นโรคที่เป็นปัญหามานานและโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำ การบาดเจ็บ ปัญหาสุขภาพจากภัยพิบัติหรืออาวุธชีวภาพ ฯลฯ อีกทั้งสามารถพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของตนโดยการติดตามค้นคว้าหาความรู้หรือวิทยาการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และสามารถเป็นผู้นำหรือที่ปรึกษาให้กับนักระบาดวิทยาที่ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งในระบบการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคของประเทศ

Field Epidemiology Training Program FETP



ระบาดวิทยา   คือ วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์แขนงหนึ่งที่มุ่งเน้นการศึกษาในกลุ่มประชากรเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์และนำความรู้
   ไปใช้แก้ไขปัญหาสาธารณสุข
นักระบาดวิทยา   คือ กลุ่มคนที่นำความรู้นี้มาประยุกต์ใช้เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ

What is Epidemiology?

         FETP เป็นโครงการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา ที่รับรองการฝึกอบรมโดยแพทยสภา ตั้งแต่ พ.ศ.2527 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้าง นักระบาดวิทยามืออาชีพ ตามรูปแบบการฝึกอบรมของ Epidemic Intelligence Service (EIS) ของ Centers for Disease Control and Prevention ประเทศสหรัฐอเมริกา มีโรคใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในโลก และบ่อยครั้งที่โรคเหล่านั้นมาเกิดการระบาดในประเทศไทย นอกจากโรคอุบัติใหม่เหล่านี้ ประเทศไทยยังต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามต้านสุขภาพอีกมาก ทั้งจากโรคติดต่อ ที่มีอยู่เดิม เช่น อหิวาตกโรค คอตีบ ไข้หวัดใหญ่ รวมไปถึงสาธารณภัย เช่น น้ำท่วม สึนามิ ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนไทย มีคนกลุ่มหนึ่งที่คอยระแวดระวัง จับตามองสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ทั้งยังรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับโรคและสุขภาพ เดินทางเข้าสู่พื้นที่เกิดเหตุเพื่อรับรู้ ทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สืบเสาะหาต้นตอของสถานการณ์ และชี้แนะแนวทางแก้ไข คนกลุ่มนี้เป็นทั้งนักสืบผู้ค้นหาตันตอปัญหาสุขภาพ ทั้งนักยุทธศาสตร์ และทหารหน้าด่านผู้ปกป้องประชาชน จากภัยคุกคามทางสาธารณสุข

กลุ่มคนนี้ คือแพทย์นักระบาดวิทยา (Medical Epidemiologist)

พันธกิจหลักสูตร

ระบาดวิทยาถือเป็นศาสตร์สำคัญแขนงหนึ่งที่ใช้ในการแก้ปัญหาสาธารณสุขด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ โรคจากการประกอบอาชีพ และสิ่งแวดล้อม การบาดเจ็บ ปัญหาสุขภาพจิตฯลฯ การสร้างบุคลากรสาธารณสุขให้มีเจตคติ ความรู้ ทักษะ ในการคิดและการปฏิบัติ สำหรับการประยุกต์หลักระบาดวิทยาในการแก้ปัญหาสุขภาพได้อย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของชุมชน ซึ่งมีความหลากหลายและเป็นพลวัตร จึงถือเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของการดำเนินงานสาธารณสุข นอกจากนั้น คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน (ครั้งที่ 6/2560) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแพทย์สาขาระบาดวิทยา เพื่อตอบสนองต่อมติดังกล่าว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มจำนวนแพทย์ ที่ผ่านการอบรมสาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงระบาดวิทยา ให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ โดยประเทศไทยมีพันธะสัญญากับองค์การอนามัยโลก (World Health Organization-Joint External Evaluation) ที่จะผลิตเพื่อให้มีแพทย์นักระบาดวิทยาภาคสนามปฏิบัติงาน 1 คนต่อประชากร 200,000 คน การจัดการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงระบาดวิทยา ให้มีคุณภาพถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการทำงานด้านระบาดวิทยาของประเทศ โดยการพัฒนาแพทย์ให้มีความรู้ความชำนาญ ด้านระบาดวิทยาภาคสนามที่สามารถทำงานแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขต่างๆที่เกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งได้แก่การระบาดของโรคติดต่อชนิดต่างๆ ทั้งที่เป็นโรคที่เป็นปัญหามานาน และโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำ การบาดเจ็บ ปัญหาสุขภาพจากภัยพิบัติ หรืออาวุธชีวภาพฯลฯ
นอกจากความรู้และทักษะด้านระบาดวิทยาแล้ว แพทย์ระบาดวิทยาควรมีความสามารถด้านอื่นๆ ที่สำคัญได้แก่ ความสามารถในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ความสามารถด้านการวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้ติดตามค้นคว้าหาความรู้ หรือวิทยาการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง การสื่อสารและปฏิสัมพันธ์การทำงานเป็นทีมการบริหารจัดการความรู้ความเข้าใจ ในระบบสุขภาพสามารถเป็นผู้นำ หรือที่ปรึกษาให้กับบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติงาน ในระดับพื้นที่ได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งในระบบการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคของประเทศ ตลอดจนมีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม ทัศนคติ และเจตคติที่ดีต่อประชาชนผู้ร่วมงาน และองค์กร เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการป้องกันควบคุมโรค
กรมควบคุมโรคได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงเปิดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงระบาดวิทยา ซึ่งมีกองระบาดวิทยาเป็นสถาบันหลักในการฝึกอบรม โดยมีพันธกิจในการฝึกอบรมที่สอดคล้องกับพันธกิจของกองระบาดวิทยา คือ

  1. ผลิตแพทย์ที่มีความรอบรู้ และความเชี่ยวชาญ ในการเฝ้าระวัง สอบสวน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพได้ตามมาตรฐานสากล สามารถปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง มีไหวพริบในการจัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  2. ผลิตแพทย์ที่เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
  3. ผลิตแพทย์ให้มีความเป็นมืออาชีพ สามารถสื่อสารปฏิสัมพันธ์และปฏิบัติงานแบบสหวิชาชีพได้
  4. ผลิตแพทย์ให้มีความรู้ความเข้าใจในระบบสุขภาพของประเทศ ภูมิภาค และนานาชาติ
  5. ผลิตแพทย์ให้มีความรับผิดชอบ คุณธรรม จริยธรรม ทัศนคติ และเจตคติที่ดีต่อผู้ป่วยผู้ร่วมงานและองค์กร

วิธีการฝึกอบรม

หลักสูตร (Curriculum)
       FETP เป็นหลักสูตรการฝึกอบรม 3 ปี ที่ยึดปรัชญาการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง (Learning by Providing Service) โดยมีกิจกรรมการเรียนรู้
ดังต่อไปนี้
ปีที่1
   - การฝึกอบรมระบาดวิทยาและชีวสถิติเบื้องต้น
   - ศึกษาระบบเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา
   - เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวนโรค
   - ทบทวนและวิเคราะห์ปัญหาสาธารณสุข
   - เข้าประชุมวิชาการประจำสัปดาห์
ปีที่ 2 และปีที่ 3
   - ทำการศึกษาวิจัยทางระบาดวิทยา
   - เป็นวิทยากรสอนระบาดวิทยาภาคสนาม
   - เป็นพี่เลี้ยงให้กับแพทย์ประจำบ้านรุ่นน้อง ในการสอบสวนโรค
   - ทำวารสารสโมสร (Journal Club)
   - เข้าประชุมวิชาการประจำสัปดาห์
   - ฝึกปฏิบัติงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


โครงการฝึกอบรมฯ ได้กำหนดสัดส่วนของการเรียนรู้ โดยแบ่งเป็นงานภาคสนามเพื่อการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริงร้อยละ 70 และการเรียนรู้ในห้องเรียนในรูปแบบบรรยายและประชุมวิชาการร้อยละ 30 ภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษา ที่สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และที่ศูนย์ฝึกอบรมฯ เป็นระยะเวลารวม 2 ปี (Two-year in-service training program)

ผลลัพธ์การฝึกอบรม

แพทย์ที่จบการฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงระบาดวิทยา ต้องมีความสามารถขั้นต่ำตามสมรรถนะหลักทั้ง 6 ด้านดังต่อไปนี้
1. การส่งเสริมป้องกัน เฝ้าระวังควบคุมโรคและภัยสุขภาพ ในบุคคล ครอบครัว ชุมชน ประชาชน ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต (Patient/ family/ community/ population health protection and care)

    ก. ตรวจจับและสอบสวนการระบาดและปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ รวมถึงโรคและภัยสุขภาพติดต่อที่มีอันตราย มีความซับซ้อน หรือเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ให้ข้อเสนอแนะและดำเนินมาตรการควบคุมโรคที่เหมาะสมมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบริบทของชุมชน

    ข. พัฒนา ดำเนินการ และประเมินระบบเฝ้าระวังโรคและภัยที่มีความสำคัญทางสาธารณสุข

    ค. วิเคราะห์สถานการณ์ ประเมินความเสี่ยง คาดการณ์แนวโน้มและทิศทางของปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญจากข้อมูลในระบบเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปกำหนด เป็นมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้อย่างเหมาะสม

    ง. ทำการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาโรคและภัยสุขภาพที่มีความสำคัญของประเทศ ได้แก่ โรคประเภทต่าง ๆ การบาดเจ็บ และปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพ เช่น โภชนาการ อนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัย และภัยธรรมชาติ

    จ. ให้บริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน

2. ความรู้และทักษะหัตถการ ด้านเวชกรรมและด้านระบาดวิทยา (Medical and Epidemiological knowledge and Skills)

    ก. มีความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานหรือวิชาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบาดวิทยา และเวชศาสตร์ป้องกันทั่วไป

    ข. สามารถนำความรู้ ทักษะ ไปใช้ในการหาสาเหตุและป้องกันโรคใน ผู้ป่วย/ชุมชน/ประชาชน ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข

    ค. ถ่ายทอดความรู้พื้นฐานทางด้านระบาดวิทยา ชีวสถิติ และปัญหาสาธารณสุขที่มีความสำคัญ โดยการสอน ฝึกอบรม หรือเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำแก่แพทย์และบุคคลากรอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสม

3. ทักษะระหว่างบุคคลและการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)

    ก. สามารถสื่อสารกับผู้ป่วย ญาติ และชุมชนโดยตระหนักถึงบริบทที่แตกต่างของแต่ละพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม

    ข. สื่อสารกับผู้บริหารและสาธารณชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความร่วมมือและได้รับการสนับสนุนในการดำเนินงานทางสาธารณสุข

    ค. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนร่วมงาน เคารพและทำงานร่วมกับผู้อื่นทั้งในบทบาทของสมาชิกทีมหรือหัวหน้าทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม

    ง. มีภาวะผู้นำและสามารถบริหารจัดการทีม วางแผน จัดสรรทรัพยากร ประสานงาน ดำเนินการ และควบคุมกำกับการดำเนินกิจกรรมทางระบาดวิทยาได้อย่างเหมาะสม

    จ. นำเสนอผลการศึกษาและข้อมูลทางระบาดวิทยาได้อย่างมีมาตรฐาน ถูกต้องตามหลักการนำเสนอผลงานทางวิชาการ

4. ทักษะระหว่างบุคคลและการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)

    ก. สามารถค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

    ข. วิพากษ์บทความและงานวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานด้านระบาดวิทยา ระบบเฝ้าระวัง และการสอบสวนควบคุมโรค ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องและสามารถพิจารณาประยุกต์ใช้วิธีการศึกษาหรือมาตรการป้องกันควบคุมโรครูปแบบใหม่ ๆ ได้อย่างเหมาะสม

    ค. เรียนรู้เพิ่มประสบการณ์ได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติ พร้อมทั้งสามารถประเมิน ความต้องการในการเรียนรู้ของตนเองได้อย่างครอบคลุมทุกด้านที่จำเป็นและวางแผนเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะตนเองได้

    ง. สามารถพัฒนาการทำเวชปฏิบัติของตนเองและทีมสหวิชาชีพผ่านกระบวนการเรียนรู้รูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดการปฏิบัติงาน

5. ความสามารถในการทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม (Professionalism)
    ก. คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก

    ข. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย ตรงต่อเวลา แต่งกายเหมาะสม ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ รอบคอบ

    ค. มีคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติอันดีต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน รวมถึงบุคลากร และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เคารพความแตกต่างของบุคคล ชุมชน สังคม

    ง. มีความสนใจใฝ่รู้ และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นมืออาชีพต่อเนื่องตลอดชีวิต (continuous professional development)

6. การทำเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ (System-based practice)

    ก. มีความรู้เกี่ยวกับระบบบริการสุขภาพและระบบการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทย และเครือข่ายความร่วมมือด้านสุขภาพระหว่างประเทศ

    ข. มีความรู้และมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและระบบสารสนเทศสุขภาพให้ได้ ตามมาตรฐาน

    ค. ใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงทั้งประสิทธิผลและความคุ้มค่า และสามารถ ให้คำแนะนำเพื่อปรับเปลี่ยนมาตรการส่งเสริมป้องกันโรค ให้เข้ากับบริบทของการบริการสาธารณสุขได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ

สิ่งที่ได้รับจากการเรียน

ผู้ผ่านการฝึกอบรมจะมีความรู้และทักษะในการหาสาเหตุเพื่อแก้ปัญหาโรคติดต่อและไม่ติดต่อโดยเฉพาะการบริหารจัดการทีมเพื่อตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพ

นอกจากนี้
- การฝึกอบรมในหลักสูตรนี้จะนับเป็นการมาปฏิบัติราชการในกองระบาดวิทยา
     • สามารถเลื่อนขั้นเงินเดือนได้ตามปกติ
     • รับเงินค่าตอบแทนการไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวได้
- สามารถสร้างผลงานทางวิชาการได้พร้อมกันไปในระหว่างการฝึก
- ผู้เข้ารับการอบรมจะมีโอกาสเข้าร่วมประชุมวิชาการทั้งในและต่างประเทศ
- ประกาศนียบัตรจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

สถานที่ฝึกอบรม


      - กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค จังหวัดนนทบุรี
      - สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่
      - สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา
      - สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช และ 12 จังหวัดสงขลา
      - หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค อาคาร 11 ชั้น 3 ถ.ติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000

การรับสมัครแพทย์ประจำบ้าน


หลักเกณฑ์การรับแพทย์ประจำบ้าน สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา

จำนวนแพทย์ประจำบ้านที่รับได้ต่อปี

10 คน (จำนวนอาจพิจารณาจากจำนวนอาจารย์ที่ปรึกษา)

คุณสมบัติและวิธีการสมัคร


  - มีประสบการณ์การทำงานหลังจบแพทยศาสตร์บัณฑิตอย่างน้อย 1 ปี
  - มีต้นสังกัดเป็นหน่วยงานราชการ
  - สมัครเข้ารับการฝึกอบรมที่แพทยสภาตามหลักเกณฑ์ในแต่ละปีการศึกษา
  - ผ่านการสอบคัดเลือกและสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการ

หลักฐานการสมัคร

  1. ใบสมัครเข้าฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านของแพทยสภา
  2. สำเนาบัตรประชาชน
  3. สำเนา Transcript และใบปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต
  4. สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา
  5. สำเนาใบเพิ่มพูนทักษะของแพทยสภา
  6. หนังสือรับรองต้นสังกัด
  7. ใบโอนเงินค่าสมัคร
สำหรับหนังสือรับรองต้นสังกัด กรณีผู้สมัครมีต้นสังกัดอยู่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
      - จะต้องดำเนินการขอหนังสือรับรองต้นสังกัดตามระบบที่กำหนดไว้ชัดเจนซึ่งมีสำนักงานบริหารโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (สบพช.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ แพทย์ที่ต้องการสมัครเข้าฝึกอบรมควรแสดงความจำนงที่จังหวัดตั้งแต่ต้นปี เพื่อให้จังหวัดเปิดโควต้าต้นสังกัดมาที่ส่วนกลาง
      - กระทรวงสาธารณสุข โดย สบพช. จะเปิดให้แพทย์สมัครขอรับต้นสังกัดทางเว็ปไซต์รอบที่ 1 ต้นเดือนมิถุนายน ต่อด้วยรอบที่ 2 รอบพิเศษ และจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน ก่อนเข้าสู่การสมัครที่แพทยสภาในเดือนตุลาคม
แต่ถ้าผู้สมัครสังกัดหน่วยงานอื่น ให้ขอหนังสือรับรองต้นสังกัดจากหน่วยงาน โดยมีผู้ลงนามระดับเทียบเท่าอธิบดี

เกณฑ์การคัดเลือกแพทย์ประจำบ้าน

ผู้สมัครแพทย์ประจำบ้านจะถูกสัมภาษณ์จากคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์ และทำการคัดเลือกด้วยคุณสมบัติสำคัญดังนี้
  1. มีความเข้าใจและตั้งใจจริงในการเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน ในสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา
  2. ผ่านเกณฑ์การให้คะแนนในการคัดเลือกแพทย์ประจำบ้านตามองค์ประกอบ ดังนี้
          2.1 คะแนนเกรดเฉลี่ย
          2.2 English communication
          2.3 กิจกรรมทางสังคม
          2.4 ระยะเวลาการใช้ทุน
          2.5 การสัมภาษณ์
          2.6 Letter recommendation
          2.7 จดหมายแนะนำตนเอง
  3. ไม่จำกัดเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง รสนิยมทางเพศ และเศรษฐฐานะ
  4. หลักสูตรมีนโยบายไม่ปฏิเสธการรับผู้เข้าฝึกอบรมที่มีความพิการ ตราบเท่าที่ความพิการนั้น ไม่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยจะพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ ของผู้สมัครแต่ละรายร่วมด้วย