ชื่อหลักสูตร | ||
(ภาษาไทย) | หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา | |
Residency Training in Preventive Medicine (Epidemiology) | ||
วุฒิบัตร | ||
ชื่อเต็ม | ||
(ภาษาไทย) | วุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา | |
(ภาษาอังกฤษ) | Diploma of the Thai Board of Preventive Medicine (Epidemiology) | |
ชื่อย่อ | ||
(ภาษาไทย) | วว.เวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา | |
(ภาษาอังกฤษ) | Dip. Preventive Medicine (Epidemiology) | |
คำแสดงวุฒิท้ายชื่อ | ||
(ภาษาไทย) | วว. ระบาดวิทยา | |
(ภาษาอังกฤษ) | Diplomat, Thai Board of Preventive Medicine (Epidemiology) |
ระบาดวิทยาถือเป็นศาสตร์สำคัญที่สุดแขนงหนึ่งที่ใช้ในการแก้ปัญหาสาธารณสุขด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ โรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม การบาดเจ็บ ปัญหาสุขภาพจิต ฯลฯ การสร้างบุคลากรสาธารณสุขให้มีทั้งองค์ความรู้และทักษะในการประยุกต์หลักการทางระบาดวิทยาเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของชุมชนซึ่งมีความหลากหลายและเป็นพลวัตรจึงถือเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของการดำเนินงานสาธารณสุข การจัดการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา ให้มีคุณภาพถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการทำงานด้านระบาดวิทยาของประเทศ โดยการพัฒนาแพทย์ให้มีความรู้ความชำนาญด้านระบาดวิทยาภาคสนาม ที่สามารถทำงานแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขต่างๆที่เกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งได้แก่ การระบาดของโรคติดต่อชนิดต่างๆทั้งที่เป็นโรคที่เป็นปัญหามานานและโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำ การบาดเจ็บ ปัญหาสุขภาพจากภัยพิบัติหรืออาวุธชีวภาพ ฯลฯ อีกทั้งสามารถพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของตนโดยการติดตามค้นคว้าหาความรู้หรือวิทยาการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และสามารถเป็นผู้นำหรือที่ปรึกษาให้กับนักระบาดวิทยาที่ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งในระบบการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคของประเทศ
ระบาดวิทยา | คือ วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์แขนงหนึ่งที่มุ่งเน้นการศึกษาในกลุ่มประชากรเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์และนำความรู้ ไปใช้แก้ไขปัญหาสาธารณสุข | |
คือ กลุ่มคนที่นำความรู้นี้มาประยุกต์ใช้เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ |
FETP เป็นโครงการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา ที่รับรองการฝึกอบรมโดยแพทยสภา ตั้งแต่ พ.ศ.2527 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้าง นักระบาดวิทยามืออาชีพ ตามรูปแบบการฝึกอบรมของ Epidemic Intelligence Service (EIS) ของ Centers for Disease Control and Prevention ประเทศสหรัฐอเมริกา มีโรคใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในโลก และบ่อยครั้งที่โรคเหล่านั้นมาเกิดการระบาดในประเทศไทย นอกจากโรคอุบัติใหม่เหล่านี้ ประเทศไทยยังต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามต้านสุขภาพอีกมาก ทั้งจากโรคติดต่อ
ที่มีอยู่เดิม เช่น อหิวาตกโรค คอตีบ ไข้หวัดใหญ่ รวมไปถึงสาธารณภัย เช่น น้ำท่วม สึนามิ ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนไทย มีคนกลุ่มหนึ่งที่คอยระแวดระวัง จับตามองสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ทั้งยังรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับโรคและสุขภาพ เดินทางเข้าสู่พื้นที่เกิดเหตุเพื่อรับรู้ ทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สืบเสาะหาต้นตอของสถานการณ์ และชี้แนะแนวทางแก้ไข คนกลุ่มนี้เป็นทั้งนักสืบผู้ค้นหาตันตอปัญหาสุขภาพ ทั้งนักยุทธศาสตร์ และทหารหน้าด่านผู้ปกป้องประชาชน จากภัยคุกคามทางสาธารณสุข
ระบาดวิทยาถือเป็นศาสตร์สำคัญแขนงหนึ่งที่ใช้ในการแก้ปัญหาสาธารณสุขด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ โรคจากการประกอบอาชีพ และสิ่งแวดล้อม การบาดเจ็บ ปัญหาสุขภาพจิตฯลฯ การสร้างบุคลากรสาธารณสุขให้มีเจตคติ ความรู้ ทักษะ ในการคิดและการปฏิบัติ สำหรับการประยุกต์หลักระบาดวิทยาในการแก้ปัญหาสุขภาพได้อย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของชุมชน ซึ่งมีความหลากหลายและเป็นพลวัตร จึงถือเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของการดำเนินงานสาธารณสุข นอกจากนั้น คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน (ครั้งที่ 6/2560) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของแพทย์สาขาระบาดวิทยา เพื่อตอบสนองต่อมติดังกล่าว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มจำนวนแพทย์ ที่ผ่านการอบรมสาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงระบาดวิทยา ให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ โดยประเทศไทยมีพันธะสัญญากับองค์การอนามัยโลก (World Health Organization-Joint External Evaluation) ที่จะผลิตเพื่อให้มีแพทย์นักระบาดวิทยาภาคสนามปฏิบัติงาน 1 คนต่อประชากร 200,000 คน การจัดการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงระบาดวิทยา ให้มีคุณภาพถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการทำงานด้านระบาดวิทยาของประเทศ โดยการพัฒนาแพทย์ให้มีความรู้ความชำนาญ ด้านระบาดวิทยาภาคสนามที่สามารถทำงานแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขต่างๆที่เกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งได้แก่การระบาดของโรคติดต่อชนิดต่างๆ ทั้งที่เป็นโรคที่เป็นปัญหามานาน และโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำ การบาดเจ็บ ปัญหาสุขภาพจากภัยพิบัติ หรืออาวุธชีวภาพฯลฯ
นอกจากความรู้และทักษะด้านระบาดวิทยาแล้ว แพทย์ระบาดวิทยาควรมีความสามารถด้านอื่นๆ ที่สำคัญได้แก่ ความสามารถในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ความสามารถด้านการวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้ติดตามค้นคว้าหาความรู้ หรือวิทยาการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง การสื่อสารและปฏิสัมพันธ์การทำงานเป็นทีมการบริหารจัดการความรู้ความเข้าใจ ในระบบสุขภาพสามารถเป็นผู้นำ หรือที่ปรึกษาให้กับบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติงาน ในระดับพื้นที่ได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งในระบบการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคของประเทศ ตลอดจนมีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม ทัศนคติ และเจตคติที่ดีต่อประชาชนผู้ร่วมงาน และองค์กร เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการป้องกันควบคุมโรค
กรมควบคุมโรคได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงเปิดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงระบาดวิทยา ซึ่งมีกองระบาดวิทยาเป็นสถาบันหลักในการฝึกอบรม โดยมีพันธกิจในการฝึกอบรมที่สอดคล้องกับพันธกิจของกองระบาดวิทยา คือ
หลักสูตร (Curriculum)
FETP เป็นหลักสูตรการฝึกอบรม 3 ปี ที่ยึดปรัชญาการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง (Learning by
Providing Service) โดยมีกิจกรรมการเรียนรู้
ดังต่อไปนี้
ปีที่1
- การฝึกอบรมระบาดวิทยาและชีวสถิติเบื้องต้น
- ศึกษาระบบเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา
- เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวนโรค
- ทบทวนและวิเคราะห์ปัญหาสาธารณสุข
- เข้าประชุมวิชาการประจำสัปดาห์
ปีที่ 2 และปีที่ 3
- ทำการศึกษาวิจัยทางระบาดวิทยา
- เป็นวิทยากรสอนระบาดวิทยาภาคสนาม
- เป็นพี่เลี้ยงให้กับแพทย์ประจำบ้านรุ่นน้อง ในการสอบสวนโรค
- ทำวารสารสโมสร (Journal Club)
- เข้าประชุมวิชาการประจำสัปดาห์
- ฝึกปฏิบัติงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โครงการฝึกอบรมฯ ได้กำหนดสัดส่วนของการเรียนรู้ โดยแบ่งเป็นงานภาคสนามเพื่อการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริงร้อยละ 70 และการเรียนรู้ในห้องเรียนในรูปแบบบรรยายและประชุมวิชาการร้อยละ 30 ภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษา ที่สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และที่ศูนย์ฝึกอบรมฯ เป็นระยะเวลารวม 2 ปี (Two-year in-service training program)
แพทย์ที่จบการฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงระบาดวิทยา ต้องมีความสามารถขั้นต่ำตามสมรรถนะหลักทั้ง 6 ด้านดังต่อไปนี้
1. การส่งเสริมป้องกัน เฝ้าระวังควบคุมโรคและภัยสุขภาพ ในบุคคล ครอบครัว ชุมชน ประชาชน ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต (Patient/ family/ community/ population health protection and care)
ก. ตรวจจับและสอบสวนการระบาดและปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ รวมถึงโรคและภัยสุขภาพติดต่อที่มีอันตราย มีความซับซ้อน หรือเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ให้ข้อเสนอแนะและดำเนินมาตรการควบคุมโรคที่เหมาะสมมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบริบทของชุมชน
ข. พัฒนา ดำเนินการ และประเมินระบบเฝ้าระวังโรคและภัยที่มีความสำคัญทางสาธารณสุข
ค. วิเคราะห์สถานการณ์ ประเมินความเสี่ยง คาดการณ์แนวโน้มและทิศทางของปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญจากข้อมูลในระบบเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปกำหนด เป็นมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้อย่างเหมาะสม
ง. ทำการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาโรคและภัยสุขภาพที่มีความสำคัญของประเทศ ได้แก่ โรคประเภทต่าง ๆ การบาดเจ็บ และปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพ เช่น โภชนาการ อนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัย และภัยธรรมชาติ
จ. ให้บริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน
2. ความรู้และทักษะหัตถการ ด้านเวชกรรมและด้านระบาดวิทยา (Medical and Epidemiological knowledge and Skills)
ก. มีความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานหรือวิชาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบาดวิทยา และเวชศาสตร์ป้องกันทั่วไป
ข. สามารถนำความรู้ ทักษะ ไปใช้ในการหาสาเหตุและป้องกันโรคใน ผู้ป่วย/ชุมชน/ประชาชน ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข
ค. ถ่ายทอดความรู้พื้นฐานทางด้านระบาดวิทยา ชีวสถิติ และปัญหาสาธารณสุขที่มีความสำคัญ โดยการสอน ฝึกอบรม หรือเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำแก่แพทย์และบุคคลากรอื่น ๆ ได้อย่างเหมาะสม
3. ทักษะระหว่างบุคคลและการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
ก. สามารถสื่อสารกับผู้ป่วย ญาติ และชุมชนโดยตระหนักถึงบริบทที่แตกต่างของแต่ละพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
ข. สื่อสารกับผู้บริหารและสาธารณชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความร่วมมือและได้รับการสนับสนุนในการดำเนินงานทางสาธารณสุข
ค. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนร่วมงาน เคารพและทำงานร่วมกับผู้อื่นทั้งในบทบาทของสมาชิกทีมหรือหัวหน้าทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม
ง. มีภาวะผู้นำและสามารถบริหารจัดการทีม วางแผน จัดสรรทรัพยากร ประสานงาน ดำเนินการ และควบคุมกำกับการดำเนินกิจกรรมทางระบาดวิทยาได้อย่างเหมาะสม
จ. นำเสนอผลการศึกษาและข้อมูลทางระบาดวิทยาได้อย่างมีมาตรฐาน ถูกต้องตามหลักการนำเสนอผลงานทางวิชาการ
4. ทักษะระหว่างบุคคลและการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
ก. สามารถค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ข. วิพากษ์บทความและงานวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานด้านระบาดวิทยา ระบบเฝ้าระวัง และการสอบสวนควบคุมโรค ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องและสามารถพิจารณาประยุกต์ใช้วิธีการศึกษาหรือมาตรการป้องกันควบคุมโรครูปแบบใหม่ ๆ ได้อย่างเหมาะสม
ค. เรียนรู้เพิ่มประสบการณ์ได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติ พร้อมทั้งสามารถประเมิน ความต้องการในการเรียนรู้ของตนเองได้อย่างครอบคลุมทุกด้านที่จำเป็นและวางแผนเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะตนเองได้
ง. สามารถพัฒนาการทำเวชปฏิบัติของตนเองและทีมสหวิชาชีพผ่านกระบวนการเรียนรู้รูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดการปฏิบัติงาน
5. ความสามารถในการทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม (Professionalism)
ก. คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
ข. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย ตรงต่อเวลา แต่งกายเหมาะสม ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ รอบคอบ
ค. มีคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติอันดีต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน รวมถึงบุคลากร และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เคารพความแตกต่างของบุคคล ชุมชน สังคม
ง. มีความสนใจใฝ่รู้ และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นมืออาชีพต่อเนื่องตลอดชีวิต (continuous professional development)
6. การทำเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ (System-based practice)
ก. มีความรู้เกี่ยวกับระบบบริการสุขภาพและระบบการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทย และเครือข่ายความร่วมมือด้านสุขภาพระหว่างประเทศ
ข. มีความรู้และมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและระบบสารสนเทศสุขภาพให้ได้ ตามมาตรฐาน
ค. ใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงทั้งประสิทธิผลและความคุ้มค่า และสามารถ ให้คำแนะนำเพื่อปรับเปลี่ยนมาตรการส่งเสริมป้องกันโรค ให้เข้ากับบริบทของการบริการสาธารณสุขได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ
ผู้ผ่านการฝึกอบรมจะมีความรู้และทักษะในการหาสาเหตุเพื่อแก้ปัญหาโรคติดต่อและไม่ติดต่อโดยเฉพาะการบริหารจัดการทีมเพื่อตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพ
นอกจากนี้
- การฝึกอบรมในหลักสูตรนี้จะนับเป็นการมาปฏิบัติราชการในกองระบาดวิทยา
• สามารถเลื่อนขั้นเงินเดือนได้ตามปกติ
• รับเงินค่าตอบแทนการไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวได้
- สามารถสร้างผลงานทางวิชาการได้พร้อมกันไปในระหว่างการฝึก
- ผู้เข้ารับการอบรมจะมีโอกาสเข้าร่วมประชุมวิชาการทั้งในและต่างประเทศ
- ประกาศนียบัตรจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค จังหวัดนนทบุรี
- สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่
- สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา
- สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช และ 12 จังหวัดสงขลา
- หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค อาคาร 11 ชั้น 3 ถ.ติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000